ผู้เขียน หัวข้อ: อาการของเด็ก เมื่อสวมใส่เครื่องมือจัดฟันเด็ก EF LINE ช่วงแรกๆ  (อ่าน 19 ครั้ง)

siritidaphon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 243
  • รับจ้างโพสประกาศ, รับโพสเวบบอร์ด
    • ดูรายละเอียด
อาการของเด็ก เมื่อสวมใส่เครื่องมือจัดฟันเด็ก EF LINE ช่วงแรกๆ

เครื่องมือ EF Line เป็นเครื่องมือการจัดฟันสำหรับเด็กที่มีอายุ 4-7 ปี มีลักษณะเป็นชิ้นยางหลากหลายสี ซึ่งมีหลายขนาดตามอายุและขนาดของขากรรไกรเด็ก ซึ่งประโยชน์ของเครื่องมือชิ้นนี้ คือมันจะช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าของเด็กให้มาอยู่ถูกที่ถูกทาง มากยิ่งขึ้นโดยเครื่องมือการจัดฟันในการจัดฟันในเด็กนั้น จะช่วยป้องกันปัญหาการสบฟันผิดปกติหรือแก้ไขเพื่อบรรเทาความรุนแรงของความผิดปกติซึ่งควรทำในเด็ก เพราะเครื่องมือ EF Line ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของป้องกันฟันล้ม ซึ่งใช้ในกรณีที่มีการสูญเสียฟัน หรือ ต้องถอนฟันน้ำนมก่อนกำหนด โดยทันตแพทย์จะถอนฟันน้ำนมที่เสียออก แล้วพิมพ์ปากเพื่อทำเครื่องมือกันฟันล้มใส่ให้ รอจนกว่าถึงเวลาที่ฟันแท้จะงอกขึ้นทดแทนในช่องว่างที่ถอนฟัน

สำหรับผู้เข้ารับการรักษาที่เป็นเด็กก็จะมีฟันแท้ งอกตรงในบริเวณที่ควรจะงอก ทำให้ไม่ก่อให้เกิดปัญหาฟันคุดของฟันแท้ในบริเวณนั้น หรือ การล้มเกของฟันรอบๆ ข้าง แต่ที่สำคัญที่สุด คือ การได้มีฟันน้ำนมอยู่ในปากจนครบเวลาที่ควรจะหลุด จะเป็นการป้องกันฟันล้มเกได้ดีที่สุด นอกจากนี้ เครื่องมือดังกล่าวยังสามารถแก้ไขพฤติกรรมที่ผิดปกติที่เกิดในเด็กได้ด้วย หากเรามานั่งพูดถึงสาเหตุของการสบฟันที่ผิดปกติในเด็กจำนวนมาก ที่เรามักพบเจอได้บ่อย ส่วนใหญ่จะเกิดจากนิสัยต่างๆ เช่น การดูดนิ้ว การกลืนที่ผิดปกติ หรือ การหายใจทางปากจากปัญหาทางเดินหายใจ อาจจะส่งผลให้ฟันหน้าบนยื่น หรือไม่สบฟันได้ในที่สุด

ทันตแพทย์จะมีเครื่องมือรูปแบบต่างๆ ที่ช่วยแก้ไขนิสัยเหล่านี้ให้แก่เด็กได้ แต่การสวมใส่เครื่องมือ EF LINE ในช่วงแรกๆของเด็กอาจจะยังมีอาการผิดปกตอเล็กน้อย ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะสังเกตพฤติกรรมเมื่อเด็กมีอาการเมื่อสวมใส่เครื่องมือ EF LINE พ่อแม่ที่กำลังจะให้เด็กเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือ EF LINE อาจจะมีความสงสัยในเรื่องของการสวมใส่เครื่องมือ EF LINE ว่าเด็กจะมีอาการอะไรหรือเปล่า ดังนั้น พ่อแม่ควรที่จะสังเกตอาการที่ทางคลินิกของเรากำลังจะนำมาบอก เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้ศึกษาเป็นแนวทาง

 สำหรับเครื่องมือ EF line เด็กควรจะสวมใส่เครื่องมือตามที่ทันตแพทย์จัดฟันแนะนำ ก็คือ ควรสวมใส่ในตอนกลางคืนขณะนอนหลับเป็นเวลา 10 ชม. เวลา และในตอนกลางวันเป็นเวลา 2 ชม. ซึ่งในระหว่างใส่กลางวันพ่อแม่ต้องคอยสังเกตอาการของเด็ก ไม่ควรปล่อยให้เด็กเคี้ยวเครื่องมือเล่น ไม่พูด ปากปิดสนิทเพื่อเป็นการออกกำลังกล้ามเนื้อรอบปาก ในช่วงเเรกๆ การสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันอาจไม่สบายนัก แต่ร่างกายของเด็กจะปรับตัวยอมรับและดีขึ้นเองเด็กบางคนอาจมีอาการเหมือนอยากจะอาเจียน

ดังนั้น พยายามให้เด็กใส่ให้เกิดความเคยชินขึ้น โดยอาจปรับเวลาเป็นการใส่ครั้งแรก ทำให้เด็กรู้สึกเพลินเพลินกับการทำกิจกรรมอื่นๆไปด้วยได้ พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรเตือนเด็กให้พยายามใส่ประคองด้วยฟ และนิ่งๆ ไม่เคี้ยวเล่น เมื่อเวลาผ่านไป ฟัน กระดูกเหงือก เนื้อเยื่อในปาก กล้ามเนื้อและลิ้นจะปรับตัวตาม EF LINE ได้เอง ปัญหาอาการระคายเคืองที่เกิดขึ้น ก็จะค่อยๆลดลงจนสามารถใส่ได้นานๆอย่างสบายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ อาการที่จะเกิดขึ้นได้ก็คือ เมื่อเด็กสวมใส่เครื่องมือ EF LINE แล้วรู้สึกมีอาการเจ็บที่ฟัน หากเป็นฟันแท้อาจเป็นผลจากการเคลื่อนของฟันเพื่อการเรียงตัวใหม่ที่ดี แต่หากอาการเจ็บมีความรุนแรงมาก

โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นฟันน้ำนม หากพบฟันมีลักษณะโยกมาก พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาเด็กไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจรักษา หากแรกๆ เด็กบ่นว่าใส่แล้วปวด สามารถให้เขาพักการสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันได้ เอาออกเป็นช่วงๆ เพื่อค่อยๆให้ช่องปากได้ปรับตัว ยิ่งนานวันจะสามารถใส่ได้นานตามกำหนด นอกจากนี้ ควรมีการให้เด็กฝึกกลืนน้ำลายโดยลิ้นไม่ดุนฟัน แต่ให้ลิ้นเเตะเพดาน อยู่ด้านหลังห่างหลังฟันหน้าบนในเด็กที่ใส่ช่วงแรกๆ อาจจะเจ็บโคนลิ้น ให้ดื่มน้ำมากๆ หากเป็นแผลใช้ยาทาแผลช่วยบรรเทาอาการ หรือใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของยาชาช่วย เมื่อเด็กสามารถปรับลักษณะการกลืนและจัดตำแหน่งลิ้นได้แล้ว อาการผิดปกติเหล่านั้นจะหายไปเอง

 หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านไหน สนใจให้บุตรหลานของท่าน เข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยโปรแกรม EF Line สามารถขอรับคำแนะนำและปรึกษากับทางทันตแพทย์ของทางคลีนิก ได้ เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านทันตกรรมในเด็ก มีประสบการณ์เรื่องของการจัดฟันในเด็กมาอย่างยาวนาน จึงเป็นเครื่องการันตีได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพฟันที่ดี และมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นเด็กที่มีสุขภาพฟันที่ดีได้อย่างแน่นอน เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่เด็กจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข สามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ โดยไม่มีเรื่องของปัญหาช่องปากมาเป็นอุปสรรค ดังนั้น การที่เด็กมีฟันที่แข็งแรง ก็จะช่วยส่งเสริมเรื่องพัฒนาการของเด็กได้อย่างดีเลยทีเดียว